Sunday 28 September 2008

นักศึกษา-แรงงาน เสนอการเมืองใหม่ที่เป็นอิสระจาก ‘พันธมิตร’ ปฏิรูปเพื่อสร้างรัฐสวัสดิการ

วันที่ 28ก.ย.51 สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ร่วมกับสหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนล และกลุ่มประกายไฟ ออกแถลงการณ์ว่าด้วยการเมืองใหม่ต้องเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง ระบบลูกขุน ลดงบประมาณทหาร และสร้างรัฐสวัสดิการ โดยกำหนดจะมีการรณรงค์แจกใบปลิวและสร้างเวทีพูดคุยกับประชาชนทั่วไปเกี่ยว กับการเมืองใหม่ของภาคประชาชนครั้งแรกที่สวนจตุจักร วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2551 เวลา 11.00 น.



แถลงการณ์

“การเมืองใหม่ต้องเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง ระบบลูกขุน

ลดงบประมาณทหาร และสร้างรัฐสวัสดิการ”

ณ อนุสรณ์สถาน ญาติวีรชน 14 ตุลา

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2551



ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เสนอ “การเมืองใหม่” โดยอ้างว่าเป็นผู้จุดประกายการปฏิรูปการเมืองผ่าทางตัน “การเมืองแบบเก่า” ที่เต็มไปด้วยนักการเมืองซื้อเสียง การคอร์รัปชั่น

กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็น “เจ้าภาพ” เพื่อการสร้างประชาธิปไตย เพราะการเคลื่อนไหวและเป้าหมายของกลุ่มพันธมิตรฯที่ผ่านมาล้วนลดบทบาทและไม่ เชื่อมั่นในอำนาจและความคิดของประชาชนคนธรรมดา ไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอ นายกฯพระราชทาน , การเลือกตั้งผสมการสรรหา (เมื่อสังคมไม่ตอบรับก็เปลี่ยนมาเป็นเลือกตั้งทั้งหมดแต่มาจากสาขาอาชีพ ครึ่งหนึ่ง) ดังนั้น “การเมืองใหม่” ของกลุ่มพันธมิตรจึงเป็นแค่เพียงการเมืองใหม่ (สูตรโบราณ) เท่านั้น

ความ พยายามเสนอโครงการทางการเมืองออกมาอย่างเป็นรูปธรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ เฉพาะหน้าเป็นไปเพื่อเป้าหมายทำลายศัตรูทางการเมืองเท่านั้น ไม่ได้มีข้อเสนอเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคมอย่างแท้จริง ไม่มีอุดมการณ์ที่จะสร้างการเมืองใหม่ที่แท้จริงแต่อย่างใด

กลุ่ม พันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นคนกลุ่มแรกที่พยายามเสนอการเมืองใหม่ เพราะการปฏิรูปสังคม-การเมือง เป็นสิ่งที่ภาคประชาชนพยายามเสนอและผลักดันให้เป็นจริงตลอดมา ที่ชัดเจนที่สุดคือข้อเสนอจากเวทีสมัชชาสังคมไทยเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549 ที่ พูดถึงการสร้างความเข้มแข็งให้ขบวนการภาคประชาชน เพิ่มอำนาจประชาชนคนธรรมดา ลดอำนาจรัฐ ตัวอย่างข้อเสนอที่ก้าวหน้าได้แก่ การลดงบประมาณกองทัพ การเสนอให้มีการเลือกตั้งได้จากสถานที่ทำงาน การเสนอระบบลูกขุนและการสร้างรัฐสวัสดิการ เป็นต้น

สหภาพแรงงาน นักศึกษา ประชาชนและองค์กรแนวร่วมในฐานะที่เป็นองค์กรภาคประชาชนเล็งเห็นว่าเราต้องปฏิรูปสังคมที่เป็นอิสระจากพันธมิตรฯ จึงควรมี ข้อเสนอโครงการทางการเมืองของเราเอง จากการประชุมปรึกษาหารือกัน เพื่อนำเสนอต่อสังคมและจัดกิจกรรมรณรงค์ที่เป็นอิสระจากทั้งฝ่ายพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้เกิดการปฏิรูปสังคมการเมืองที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคน ธรรมดาจริงๆ ดังต่อไปนี้



1. การปฏิรูประบบการเมือง



1.1 สนับสนุนให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงจากประชาชน ต้องยกเลิกสมาชิกวุฒิสภา อันเนื่องมาจากมีความซ้ำซ้อนและไม่จำเป็น โดยสมาชิกสภาต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งหมด

1.2 ต้องลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคของการรวมตัวตั้งพรรคการเมืองของประชาชน เช่น ไม่จำเป็นต้องมีการจดทะเบียน มีสาขาพรรค และจำนวนสมาชิกตามที่กำหนด

1.3 เน้นการเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียว จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแปรตามจำนวนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งตามสถานที่ทำงาน เพื่อให้แรงงานสามารถมีผู้แทนของตนเองในพื้นที่ที่ทำงานได้



2. การกระจายอำนาจ



ยก เลิกการปกครองส่วนภูมิภาคที่เน้นการรวมศูนย์จากส่วนกลาง แต่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนปกครองตนเองผ่านการปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างสมบูรณ์



3. ปฏิรูประบบศาล



3.1 ต้อง ลดอำนาจของศาลที่มีอยู่เดิม อันเนื่องมาจากผู้พิพากษาไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เราเสนอให้ใช้ระบบลูกขุนที่มาจากการประชาชนธรรมดามาแทนผู้พิพากษาในระบบ ราชการแบบเดิม

3.2 ยกเลิกโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นรูปแบบของการลงโทษที่ป่าเถื่อนและไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาจริง

3.3 ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งเป็นกฎหมายที่ล้าหลังและคลั่งชาติ



4. ปฏิรูปกองทัพ



4.1 ต้องลดงบประมาณของกองทัพ เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสภาวะสงคราม ดังนั้นไม่จำเป็นต้องนำงบประมาณจำนวนมากไปใช้สำหรับการส่งเสริมแสนยานุภาพ ของกองทัพ

4.2 เสนอให้ย้ายค่ายทหารออกจากเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อใช้พื้นที่ดังกล่าวสำหรับสร้างสวนสาธารณะ และศูนย์ฝึกอาชีพให้แก่คนจน



5. ปฏิรูประบบโครงสร้างภาษี



ต้องยกเลิกภาษีทางอ้อม (VAT) ที่เก็บจากประชาชนธรรมดา และต้องเก็บภาษีทางตรง ภาษีที่ดิน ภาษีมรดกในอัตราก้าวหน้าจากคนรวยและอภิสิทธิ์ชนซึ่งมีจำนวนมากในประเทศไทย มาใช้เพื่อสร้างสวัสดิการให้แก่คนจน



6. รัฐสวัสดิการ



6.1 ต้อง มีการปฏิรูปที่ดินที่รวมศูนย์อยู่กับนายทุนไม่กี่คนให้แก่ คนจน และเกษตรกร ที่ปราศจากที่ดินหรือมีที่ดินทำกินไม่เพียงพอซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

6.2 ต้องสร้างรัฐสวัสดิการ ซึ่งหมายความถึง ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการการรักษาพยาบาล การศึกษา และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพในราคาถูกหรือฟรี

6.3 ต้องยกเลิกกฎหมายห้ามทำแท้งเสรี โดยรัฐจะต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้หญิงที่ต้องการทำแท้งสามารถทำได้ อย่างถูกกฎหมายและมีมาตรฐานทางการแพทย์เพื่อความปลอดภัย
6.4 ต้องมีการขยายมาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล เช่น รถเมล์ ค่าน้ำ ค่าไฟฟรี ให้มากกว่าเป็นแค่มาตรการเฉพาะหน้า โดยต้องยกระดับการให้บริการการขนส่งมวลชน การไฟฟ้า ประปา และอื่นๆ ให้มีคุณภาพและมีราคาถูกที่สุด

6.5 ยกเลิกแรงงานนอกระบบ และการเอาเปรียบแบ่งแยกแรงงานข้ามชาติ โดยผู้ใช้แรงงานทุกคนต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานเหมือนกันทั่ว ประเทศ



กิจกรรม



1. จะมีการรณรงค์แจกใบปลิวและสร้างเวทีพูดคุยกับประชาชนทั่วไป และขบวนการภาคประชาชนอื่นๆเกี่ยวกับการเมืองใหม่ของภาคประชาชน โดยกิจกรรมแรกของพวกเรา คือ แจกใบปลิวและให้ข้อมูลประชาชนที่สวนจตุจักร วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2551 เวลา 11.00 น.





ลงชื่อ

1. สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)

2.สหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนล

3. กลุ่มประกายไฟ

Thursday 25 September 2008

อาเต๊ฟ โซ๊ะโกะ สนนท. ในยุคการเมืองหลากสี

ว่ากันว่า...วัยหนุ่มสาว เป็นช่วงวัยที่มีพลังมากที่สุด คนวัยนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าสิ่งนั้นเกิดจากความตั้งใจจริงของเขาเอง ก็จะประสบผลสำเร็จลุล่วงไปได้ อาจเป็นเพราะความเชื่อมั่น บวกพลังศัทธาอันแรงกล้า ทำให้คนวัยหนุ่มสาวสามารถทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มเปี่ยม และถ้าหากคนหนุ่มสาวที่รวมพลังกัน ต้องการเรียกร้องหาความยุติธรรม เรียกร้องหาเสรีภาพ และความเท่าเทียมนำไปสู่การปลี่ยนแปลงทางสังคม สังคมก็จะเปลี่ยนแปลงไปสู่ความงดงาม มีบทพิสูจน์มากมายในประวัติศาสตร์ของสังคมไทย เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516, 6 ตุลา 2519

...พลังที่มิอาจทัดทาน ของ “เขา” และ “เธอ” จึงถูกร่ำร้องหา จากสังคมมาทุกยุคสมัย...

ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน กลุ่มคนหนุ่มสาวจำนวนมากได้ออกมาเคลื่อนไหวให้สังคมรับรู้ว่า พลังของนักศึกษานั้นมีอยู่จริง แม้จะยังเป็นที่คลางแคลงใจของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ว่า พวกเขาเหล่านั้นออกมาด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างแท้จริงหรือไม่? หรือเพียงแต่เป็นค่านิยมตามกระแสม็อบ เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็นับว่าน่าเป็นห่วงบ้านเมืองไทย เพราะหากคนวัยหนุ่มสาวที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสังคมในอนาคต ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างฉาบฉวย พลังอันบริสุทธิ์ก็อาจถูกแทรกแซงจากผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองโดยง่าย ความสนใจทางการเมือง ประสบการณ์ และมุมมองจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับคนวัยนี้ที่ได้เรียนรู้อย่างแท้จริง

สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) เป็นองค์กรประสานงานจากตัวแทนของนักศึกษาจากองค์กรต่างๆ หลากหลายสถาบัน ประกาศตัวชัดเจนตลอดมาว่า พวกเขาคือพลังนักศึกษาที่บริสุทธิ์ไม่ได้อยู่ภายใต้ขั้วอำนาจใดๆ ไม่ว่าองค์กรทางการเมือง หรือกลุ่มเอ็นจีโอ การเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งเป็นการระดมความคิดเห็นในแง่มุมของนักศึกษา ที่อยากมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎเกณฑ์สังคม โดยประเด็นต่างๆ ที่นักศึกษากลุ่มนี้เคลื่อนไหว ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะมาจากแนวคิดที่ว่า “สังคมถูกกำหนดโดยนโยบายจากทางการเมือง”

โดยล่าสุดใน สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) เพิ่งมีการประชุมสมัชชาประจำปี เพื่อสรรหาคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา และ นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก นักศึกษา คณะรัฐศาสต์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ได้รับการลงมติจากที่ประชุมให้เป็นเลขาธิการฯ คนใหม่

เมื่อเป็นองค์กรนักศึกษาและเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดมา ผนวกกับปัญหาทางการเมืองหลากสีในปัจจุบัน ตำแหน่งเลขาธิการฯ จึงอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างกดดัน แต่จากการทำกิจกรรมนักศึกษา และอยู่ในกลุ่มสายเคลื่อนไหวมาโดยตลอด อาเต็ฟ โซ๊ะโก จึงเข้าใจปัญหาการเมืองไทยเป็นอย่างดี

เดิม “อาเต็ฟ” เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ก่อนจะย้ายมาศึกษาที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะเล็งเห็นว่าการทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยเปิด น่าจะมีอิสระ และเสรีภาพมากยิ่งกว่ากิจกรรมที่ทำอยู่ในขณะนั้น (ในตำแหน่งเลขานุการชมรมนักศึกษามุสลิม และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการซูรอ) โดยฐานคิดสำคัญที่อยากทำงานกิจกรรมนักศึกษามาจากครอบครัว

“ผมว่ามีนักศึกษาสนใจทำกิจกรรมเยอะนะ แต่ส่วนใหญ่ ก็แค่อยากมีประสบการณ์ คนสนใจงานเคลื่อนไหวจริงๆ มีน้อย และตอนนั้นผมรู้สึกว่ากิจกรรมที่ทำอยู่มันไม่ใช่ตัวเรา ... เลยอยากมาเรียนรามฯ

ตอนแรกแค่มาลงทะเบียนไว้นะ พอมาเรียนจริงๆ ก็รู้สึกดี รู้สึกว่ามีอะไรหลายอย่างที่อยากจะทำ ตอนนี้ก็ได้ทำไปแล้วในบางส่วน ได้ฟังความคิดเห็นของเพื่อนๆ ที่หลากหลายขึ้น ได้แตะปัญหาสังคมอย่างจริงจัง ผ่านกิจกรรมในชมรม จริงๆ ที่บ้านก็มีส่วนนะ พ่อเป็นกำนันเห็นพ่อทำงานมาตลอด ใครเป็นอะไรก็ได้ช่วยเหลือกันก็ไม่ได้มองว่าการทำกิจกรรมเป็นเรื่องที่ยาก ลำบากอะไร ผมว่ามันคุ้นเคยมากกว่า”

กิจกรรมในชมรมนักศึกษามุสลิม ซึ่งมีเครือข่ายในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเป็นกิจกรรมแรกๆ ที่อาเต็ฟเริ่มเข้ามาเรียนรู้การทำงาน จนต่อมาได้รับตำแหน่งเลขาธิการเครือข่ายนิสิตนักศึกษามุสลิม (คนท.) จากการรวมตัวของนักศึกษาเพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนปัญหาชายแดนภาคใต้ โดยมีการจัดงานเสวนาที่มัสยิดกลาง จังหวัดปัตตานี เมื่อกลางปี 2550 จนนำไปสู่เหตุการณ์ชุมนุมใหญ่ ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม - 4 มิถุนายน 2550 โดยมีประชาชน และตัวแทนนักศึกษาจากหลายสถาบันเข้าร่วมการชุมเป็นจำนวนมาก และรวมตัวกันก่อตั้ง เครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน (พปช.) ขึ้น

หลังจากเหตุการณ์ชุมนุมใหญ่ไม่นานวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจใน อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส โดยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับนักศึกษาที่ถูกจัดตั้งโดยขบวนการก่อความไม่ สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

“คือเป็นหมายมาจาก พรก. ฉุกเฉิน คือ แค่สงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางภาคใต้ ก็จับกุมได้ โดยมีสาเหตุมาจากการชุมนุมที่มัสยิสกลาง ตอนถูกจับ... ผมเครียดนะ ในใจเรียกหาแต่แม่ แต่พอเรามองเห็นชาวบ้าน ผู้ต้องสงสัยที่ถูกขังรวมกัน แววตามันหดหู่นะ เราก็รู้สึกว่าเราเป็นนักศึกษาเราต้องเข้มแข็งกว่า คือการเป็นนักศึกษาที่ 3 จังหวัดชายแดนมันมีความหมายสำหรับชาวบ้านมากเพื่อเป็นหลักให้พวกเขาได้พักพิง ให้กำลังใจชาวบ้าน ตอนนั้นถูกขังรวมกัน 7 คนครับ

ถูกปล่อยออกมา เพราะกลุ่มเพื่อนๆ ได้ช่วยเหลือกันยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังที่ต่างๆ คณะกรรมการสิทธิ์ มูลนิธิต่างๆ ให้เกิดแรงกดดันเจ้าหน้าที่รัฐ... แต่ในนั้นก็ได้สอนอะไรเราหลายอย่าง เข้าใจสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนมากขึ้น ว่าบางทีเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เข้าใจพื้นที่สักเท่าไหร่ แต่เดิมคิดว่า เป็นแค่ระดับปฏิบัติการเท่านั้น ที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมในพื้นที่ แต่เอาเข้าจริง ระดับบนบางคนก็ไม่ได้เข้าใจ สั่งการต่างๆ บนพื้นฐานของความไม่เข้าใจ จึงไม่แปลกใจที่เหตุการณ์ยังคงไม่สงบจนถึงทุกวันนี้”

เหตุการณ์การชุมนุมที่มัสยิสกลาง จนกระทั่งถูกจับกุมในครั้งนั้นทำให้ อาเต็ฟ ได้แลกเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนมุมมองหลายอย่าง ได้เรียนรู้วิธีการทำงานจากกลุ่มนักศึกษาต่างกลุ่ม ต่างสถาบัน และทำให้ได้รู้จักกับองค์กรที่มีชื่อว่า สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และได้ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด

“ผมมองว่า สนนท. เป็นองค์กรนักศึกษา ที่ยังบริสุทธ์อยู่นะ ปัจจุบันองค์กรนักศึกษามีเยอะ ส่วนใหญ่ก็มักถูกแทรกแซงจากองค์กรต่างๆ เพื่อให้โน้มเอียงไปตามทิศทางที่กลุ่มต้องการ แต่สหพันธ์นิสิตนักศึกษายังมีอุดมการณ์ทางสังคม โดยปราศจากการครอบงำของหน่วยงานอื่นๆ อยู่

แต่พอมาทำงานจริงๆ มันก็มีอุปสรรคเยอะเหมือนกันนะ กดดันคนทำงานมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันสังคมมักจะตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ค่อยมีนักศึกษามาทำกิจกรรม ผมเองก็เห็นด้วยที่คนทำกิจกรรมน้อยลง ปัญหาใน สนนท. ก็ไม่ต่างจากองค์กรอื่นๆ มากนัก กดดันคนทำงาน ไม่ว่าสภาพสังคมภายนอก หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ภายในองค์กรตนเอง ปัญหาหลักๆ คือ ขาดคนทำงาน”

อาเต็ฟ มองว่านักศึกษาส่วนใหญ่สนใจการเรียนมากกว่าการทำกิจกรรมอยู่แล้วเพราะเป็นเรื่องของอนาคต อีกทั้งรัฐบาลก็ไม่ได้ส่งเสริมให้นักศึกษาทำกิจกรรมเท่าที่ควร เพราะถ้านักศึกษามีความเข้มแข้ง และสนใจทางด้านการเมือง ก็จะมาตรวจสอบ และอาจเป็นขวากหนามการทำงานของรัฐบาลได้ ทำอย่างไรให้องค์กรนักศึกษาหมดไป กลายเป็นนักศึกษาที่เก่ง เชื่อง และควบคุมได้ง่าย

ส่วนการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้การทำงานขององค์กรนักศึกษาสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง คือการหนุนเสริม องค์กรฐาน (องค์กรสมาชิก) ที่ทำเรื่องปัญหาสังคมอยู่แล้ว แต่อาจขาดปัจจัยต่างๆ เช่นการประสานงานสื่อ ฯลฯ ให้ความช่วยเหลือกันไป เพื่อองค์กรนักศึกษาตามภูมิภาคเติบโต อย่างเข้มแข็ง การเคลื่อนไหว บรรลุเป้าหมาย น่าเชื่อถือ ชอบธรรม และไม่ใช่ความต้องการของคนแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ส่วนการเป็นคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีส่วนทำให้คิดหนักในเรื่องการรับตำแหน่ง

“เราเป็นคนมุสลิม มันเหมือนกับว่าจะเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นๆ ได้รึเปล่า โดยเฉพาะการเป็นผู้นำนักศึกษาจะมันจะดูไม่ดีรึเปล่า เขาจะยอมรับเรารึเปล่า แต่ก็มีเพื่อนๆ ให้กำลังใจเยอะมากว่าเป็นการยกระดับการทำงานขององค์กรนักศึกษา การร่วมงานกันที่หลากหลายไม่ได้จำกัดความเชื่อเรื่องศาสนาหรือแนวคิดแต่อย่างใด”

ในวาระที่เป็นเลขาฯ การทำงานก็ไม่ได้มุ่งเข็มลงภาคใต้เพียงอย่างเดียว เราทำเรื่องอื่นๆ ไปด้วย ตลอด 1 ปีนับจากนี้คงเป็นช่วงพิสูจน์การทำงานครับ

“แม้จะเป็นมุสลิมแต่บ้านไม่เคยสอนให้เรารักมุสลิม มากว่าพุทธ หรือ รักมลายูมากกว่าไทย แต่สอนให้รักมนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน”

สาเหตุที่สมาชิกส่วนใหญ่เทคะแนนเสียงลงมาให้หนุ่มมุสลิมคนนี้ เนื่องจากคุณสมบัติข้อโดดเด่นคือ ความสุขุม รอบคอบ และท่าทีที่ประณีประนอม โดยเสียงจากสมาชิกท่านหนึ่งบอกว่า “เลขา สนนท. ไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ต้องการคนที่ทำงานกับคนอื่นๆ ได้ เพราะปีนี้จะเน้นภาพการประนีประนอม และประสานงานกันมากขึ้น” ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย้ง การเร่งเชื้อไฟ จึงไม่ใช่คำตอบ

ส่วน อาเต็ฟ เปิดเผยว่า แม้จะรู้สึกเครียดในช่วงแรก แต่เมื่อมองว่า เพื่อนๆ สมาชิกให้ความไว้วางใจก็จะทำหน้าที่ตลอดวาระให้ดีที่สุด และดีใจที่ทุกวันนี้ยังได้เห็นคนหนุ่มสาวออกมาเคลื่อนไหวทางสังคม แม้แนวคิดจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่อยากให้ทุกคนในสังคมรับฟังความคิดเห็นของกันและกัน


ทีมงาน ThaiNGO
มูลนิธิกองทุนไทย
webmaster@thaingo.org

24 กันยายน 2551

Sunday 21 September 2008

“กำหนดการงานตุลารำลึก ๒๕๕๑”

โครงการกำแพงประวัติศาสตร์ฯ ร่วมกับ องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“กำหนดการงานตุลารำลึก ๒๕๕๑”
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
.............................................
วันอาทิตย์ที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๓.๓๐ – ๑๖.๐๐ น. การเสวนาวิชาการ เรื่อง ๖ ตุลา กับการปฏิรูปสังคมไทย
ณ ห้องประชุมคณะนิติศาสตร์
๑๖.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. ร่วมกันตกแต่งบริเวณสวนประติมากรรม โครงการกำแพงฯ ด้วยดอกไม้ ต้นไม้
ณ สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์
๑๗.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. จัดซุ้มเสวนาภาคประชาชน สนทนาการเมือง
สลับศิลปวัฒนธรรม/การแสดงหลากหลายรูปแบบและเรื่องราว
๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป “เรื่องคืนนั้นในเดือนตุลา” กิจกรรมค้างแรม ณ ตึกกิจกรรมนักศึกษา ร่วมกันซึมซับ
และรำลึกถึงเหตุการณ์ ๖ ตุลา รวมถึงอภิปรายหัวข้อประวัติศาสตร์การเมือง
(ลงทะเบียน ณ ตึกกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์)

วันจันทร์ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
๐๗.๐๐ – ๐๗.๓๐ น. ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ๓๓ รูป ณ บริเวณหอประชุมใหญ่
๐๗.๓๐ – ๐๘.๓๐ น. นำเข้าสู่รายการ โดยนายสุรเทพ โลหิตกุล
ประธานในพิธี ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดี กล่าวเปิดงาน
กล่าวไว้อาลัยและสืบสานเจตนารมณ์เดือนตุลา โดย
ตัวแทน ๑๘ ผู้ต้องหา คุณอภินันท์ บัวหะภักดี เปิดปมละครแขวนคอ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
ตัวแทนญาตีวีรชน
ตัวแทนกลุ่ม องค์กร นักศึกษา
องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ค่ายอาสาพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กลุ่มอิสระลานสรรค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กลุ่มการเมืองเสรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฯลฯ
ตัวแทนสมัชชาคนจน
ตัวแทนสหพันธ์-สหภาพแรงงาน
ตัวแทนกลุ่ม องค์กร ประชาธิปไตย
กวีรับเชิญ
๐๘.๓๐ – ๐๙.๓๐ น. พิธีมอบรางวัลคมตุลา
๐๙.๓๐ – ๑๒.๐๐ น. ปาฐกถาเชิงวิชาการ เรื่อง “อนาคตของ ๖ ตุลา ๒๕๑๙”
เสนองานวิจัย โดย ดร.ธำรงค์ศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์
นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์การเมืองไทย
และ วิจารณ์งาน โดย รศ.วิทยากร เชียงกูล
นักคิดนักเขียนผู้สร้างตำนานยุคแสวงหา
ดำเนินรายการ โดย รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล

วันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๙.๐๐ น. “ครูสมศรี” ภาพยนตร์แนวชีวิตและการต่อสู้
จัดฉายฟรี ณ สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
พร้อมบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ และนักเคลื่อนไหว

วันเสาร์ที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๓.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. เสวนาวิชาการ “มรดกตุลากับการชุมนุมสาธารณะ”
วิทยากรโดย - ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
- คนเดือนตุลา
- นักเคลื่อนไหวด้านการชุมนุมสาธารณะ
- นักวิชาการ สาขานิติศาสตร์
ดำเนินรายการ โดย นายอนุธีร์ เดชเทวพร
นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
๑๙.๐๐ น. “ลูกทุ่งเพื่อชีวิต” คอนเสิร์ต รำลึก ๓๕ ปี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ๓๓ ปี ลูกทุ่งสัจจธรรม
การแสดงคอนเสิร์ตเพลงลูกทุ่งคัดสรร โดยมีเนื้อหาสะท้อนชีวิตในแต่ละช่วงของ
ยุคสมัย และมีทำนองดนตรีที่สวยงาม มีกลิ่นอายของชนบท และวิถีชีวิตแบบไทย
วงดนตรีที่ใช้แสดงเป็นวงดนตรีลูกทุ่งแบบดั้งเดิม ขับร้องด้วยศิลปินเพื่อชีวิต
เช่น หงา คาราวาน หว่อง คาราวาน สุเทพ โฮปแฟมิลี่ เสก ศักดิ์สิทธิ์ เชื้อกลาง
ซูซู-ระพินทร์ พุฒชาติ ริ คีตาญชลี อี๊ด ฟุ๊ตบาท ไข่ มาลีฮวนน่า
นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากศิลปินลูกทุ่งรุ่นใหญ่ อาทิ สดใส รุ่งโพธิ์ทอง
เรียม ดาราน้อย สุนารี ราชสีมา ฯลฯ
จัดแสดง ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
บัตรราคา ๑,๐๐๐ ๕๐๐ ๓๐๐ และ ๑๐๐ บาท
สอบถามและซื้อบัตรได้ที่ ๐๒-๖๒๑๘๒๙๘-๙, ๐๘๙-๖๐๑-๐๕๖๖
Email: sdf_thai@yahoo.com
จัดโดย มูลนิธิสายธารประชาธิปไตย

วันอาทิตย์ที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๓.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. เสวนาวิชาการ “กฎหมู่กฎหมาย: วิถีไทยเชิดสิ่งใด”
วิทยากรโดย - ตัวแทนนักการเมือง
- นักเคลื่อนไหวทางการเมือง
- นักวิชาการ สาขานิติศาสตร์
- นักวิชาการ สาขารัฐศาสตร์
ดำเนินรายการ โดย นายฐาปน แสนยะบุตร
นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

๖ – ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
๐๙.๐๐ – ๑๖.๓๐ น. - ชมฟรีหนังสั้น และหนังทางเลือก ณ ห้องเรวัติ พุฒินันท์ คณะเศรษฐศาสตร์
- ตลาดหนังสือการเมือง และหนังสือทางเลือก ณ บริเวณสวนประติมากรรมประวัติศาสตร์
- นิทรรศการประวัติศาสตร์เดือนตุลา ณ บริเวณสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
- ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
- จาก ๑๔ – ๖ ตุลาคม
- มรดกตุลาสู่การเมืองปัจจุบัน

...........................................เสร็จพิธี..........................................

การแต่งกาย : เครื่องแต่งกายสุภาพ
หมายเหตุ : งดรับหรีดทุกประเภท รับบริจาคต้นไม้ หรือเงินสด
เพื่อตกแต่งประติมานุสรณ์ และเป็นทุนสำหรับจัดงานในปีถัดไป รับของที่ระลึกฟรีในงาน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
๑. บุคคลทั่วไป
- อาจารย์วิภา ดาวมณี (โครงการกำแพงประวัติศาสตร์)
โทร ๐๘๑-๖๑๓-๔๗๙๒ Email: octnet72@yahoo.com
๒. นักเรียน นิสิต นักศึกษา
- นายอนุธีร์ เดชเทวพร
โทร ๐๘๑-๑๗๑-๓๓๗๐ Email: anuthee_124@hotmail.com
- นายฐาปน แสนยะบุตร
โทร ๐๘๑-๑๗๑-๓๓๗๐ Email: sthapana@live.com

Friday 12 September 2008

ดีเบต 4 ขัว้ พันธมิตรเด็ก vs สนนท. vs อมธ. vs กปก. :

ดีเบต 4 ขัว้ พันธมิตรเด็ก vs สนนท. vs อมธ. vs กปก. :
“บทบาทนักศึกษาในสถานการณ์วิกฤตการเมือง”

เสาร์ 13 กันยายน 2551 13:30-16:30 น.
ห้อง 101 ชัน้ 1 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

จัดโดย คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ถ่ายทอดโทรทัศน์ทางช่อง ทีวีไทย (ไทยพีบีเอส)
ดีเบต 4 ขัว้ “บทบาทนักศึกษาในสถานการณ์วิกฤตการเมือง” โดย

● ศตวรรษ อิทรายุท ตัวแทนนักศึกษากลุ่มพันธมิตรเด็ก (Young PAD)
● อาเต็ฟ โซ๊ะโก เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)
● กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช ตัวแทนนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่แค่กิก๊ (กปก.)
● ตัวแทนองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) (*อยู่ในระหว่างการติดต่อ)

ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความเห็นโดย
● ไชยันต์ ไชยพร รองศาสตราจารย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
● ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ดำาเนินรายการ
● พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2551 เวลา 13:30-16:30 น.
ห้อง 101 ชัน้ 1 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และทางทีวีไทย

แถลงการณ์ต่อสถานการณ์การเมือง

ในภาวะที่การเมืองเกิดความขัดแย้งแทบทั่วทุกภาคส่วน สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) มีความเห็นเสมอมา โดยอยู่บนฐานความเชื่อที่ว่า “อำนาจสูงสุดนั้นเป็นของประชาชน” ทำให้ที่ผ่านมาได้เคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหาร รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ที่มาจาก (นอมินี) คณะรัฐประหาร อีกทั้งเรียกร้องสังคมให้อยู่บนฐานประชาธิปไตยประชาชน ที่การเลือกตั้งเป็นสิ่งพื้นฐานขั้นต่ำที่สุดที่เราควรมี

สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยมีข้อเสนอดังนี้
1. สำหรับการชุมนุมเคลื่อนไหวหรือแสดงความคิดเห็นทางการเมืองใดๆ ของทุกฝ่ายต้องไม่นำพาไปสู่การรัฐประหาร อนึ่ง สำหรับในอนาคตที่กำลังจะครบรอบ 2 ปีในวันที่ 19 กันยายนนี้ จึงขอเชิญชวนทุกฝ่ายรำลึกการเกิดเหตุการณ์การรัฐประหาร สรุปบทเรียนถึงผลเสียมหาศาลในอดีตที่ผ่านมา และขอให้นักวิชาการชำระประวัติศาสตร์กลุ่มบุคคลที่สนับสนุนรัฐประหารเพื่อ สร้างบรรทัดฐานไม่ให้เกิดเหตุการณ์รัฐประหารซ้ำอีกครั้ง
2. สนนท.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลให้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเคลื่อนไหวหรือแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของทุกฝ่ายด้วยการยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร
3. ขอให้แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 9 คนที่ถูกออกหมายจับเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามข้อกล่าวหาโดยให้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องตัดสิน
4. จากเหตุการณ์การปะทะกันในวันที่ 2 กันยายน 2551 สนนท. ขอ ประณามกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่สร้างเงื่อนไขการปะทะกันอันจะนำไปสู่ ความรุนแรงและความสูญเสีย จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนคือ นายณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง ซึ่งเป็นผู้ร่วมชุมนุมของ นปช.
5. ไม่ว่าการเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้จะจบลงเช่นไร สนนท.ขอคัดค้านการได้มาซึ่งอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหาร การเมืองใหม่ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำเสนอเลือกตั้ง 30% สรรหา 70% และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการของการปกครองประชาธิปไตยซึ่งอำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทยโดยผ่านการเลือกตั้งในระบอบรัฐสภา ที่ทุกคนมีสิทธิในการใช้อำนาจอย่างเท่าเทียม

อย่างไรก็ตาม หากพันธมิตรฯ ต้องการเสนอการเมืองใหม่ที่ให้ผลประโยชน์กับประชาชนจริงๆ ไม่ว่าจะมีรูปแบบเป็นเช่นใด สน นท.เสนอว่าให้จัดเวทีถกเกียงกันเรื่องนี้ และเสนอให้รัฐบาลจัดทำประชามติเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการเมือง ให้สมกับที่พันธมิตรได้กล่าวอ้างมาเสมอว่า “ให้ประชาชนมีส่วนร่วม”

สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)
5 กันยายน 2551

หนังสือเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการทหารบก

เรื่อง ขอให้ทหารวางตัวเป็นกลางในสถานการณ์ที่มีแต่ความขัดแย้งในสังคมและเป็นทหารประชาธิปไตย

เรียน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก

เนื่อง จากสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้ เต็มไปด้วยบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลภายใต้การบริหารประเทศของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) อีกทั้งมีความขัดแย้งของกลุ่มต่างๆที่มีความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกัน เกิดขึ้นมากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งหลังจากเหตุการณ์การปะทะกันของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ แห่งชาติ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อคืนวันที่ 2 กันยายน 2551 จนก่อให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสียในชีวิตของประชาชนคนไทยด้วยกันเอง จนรัฐบาลต้องประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้ทหารมีบทบาทเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากขึ้นท่ามกลางความขัด แย้งของกลุ่มต่างๆ ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

สหพันธ์ นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) เป็นองค์กรของนิสิตนักศึกษาที่รวมตัวกันทำกิจกรรมเพื่อปกป้องและส่งเสริม ประชาธิปไตย รวมทั้งการร่วมต่อสู้เรียกร้องความไม่เป็นธรรมให้กับพี่น้องนักศึกษาและ ประชาชนในสังคม มีความกังวลและเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจในทุกภาคส่วนของสังคมสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศ ไทย(สนนท.) ขอเรียกร้องให้ทหารวางตัวเป็นกลางท่ามกลางสถานการณ์ที่มีแต่ความขัดแย้งทาง การเมืองของสังคมและขอให้เป็นทหารมีจิตใจที่เป็นประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยการรัฐประ-หารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ทั้งนี้เพื่อเป็นการปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนคนทุกคน เชื่อมั่นและศรัทธาว่าการปกครองที่ดีที่สุดต้องมาจากประชาชน อำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน

สหพันธ์ นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) มีความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ความขัดแย้งของสังคมในขณะนี้จะผ่านพ้นไปได้ด้วย ดีด้วยความร่วมมือร่วมใจในการที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างจริงจัง ทั้งนี้จะต้องเป็นไปด้วยเหตุและผลและความจริงใจในการแก้ไขปัญหา อันจะนำไปสู่การนำพาประเทศเข้าสู่สภาวะปกติเพื่อก่อให้เกิดความสมานฉันท์ของ คนในชาติ

ขอแสดงความเคารพอย่างสูง

สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)

5 กันยายน 2551